🟡🔴เจ้าของบ้านสุดช้ำ เด็ก 7 ขวบ ปีนกำแพงรั้วเล่น จนกำแพงล้มทับขาเด็กหัก แม่เด็กเรียก 1 แสนไม่เป็นธรรมกับตน (คลิป) https://youtu.be/PlW48bhS_Y4?si=GvpAIQr_7Qz9roch
เจ้าของบ้านสุดช้ำ เด็ก 7 ขวบ แถวบ้านมาปีนกำแพงรั้วเล่น จนกำแพงล้มทับขาเด็กหัก ผู้ปกครองเด็กเรียกเงินแสนให้เยียวยา อีกฝั่งโต้สุดทนไม่รู้ร้อนรู้หนาวขอทวงความเป็นธรรมให้ลูกสาว
🟢จากกรณีเฟสบุ๊คเพจ ”กำแพงเพชร ร้องเรียนอะไร บอกไว้ที่นี่“ ได้นำเสนอเรื่องราวจากเจ้าของบ้านหลังหนึ่งที่ได้ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจากเพจฯ โดยมีเนื้อหาว่า “เจ้าของบ้านสุดช้ำ…!!! เด็กแถวบ้านมาปีนกำแพงรั้วเล่น กำแพงล้มทับขาหัก ผู้ปกครองเด็กเรียกเงินแสนเยียวยา เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.67 ได้มีเด็กอายุ 7 ขวบ มาวิ่งเล่นแถวบ้าน แล้วด้วยความซุกซนจึงโหนกำแพงรั่วบ้านเล่น ทำให้รั่วกำแพงพังลงมาทับเด็กจนขาซ้ายหัก หลังจากนั้นผู้ปกครองเด็กเข้าแจ้งความว่าเจ้าของบ้านประมาททำให้เด็กบาดเจ็บสาหัส ที่ผ่านมามีการพูดคุยไกล่เกลี่ย ฝ่ายคู่กรณีเรียก 1 แสนบาท เป็นค่าเยียวยาเด็ก ตนเองไม่มีจึงถูกดำเนินคดี ตอนนี้ขั้นตอนถึงชั้นอัยการ รู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงขอนำเสนอเรื่องราวนี้ผ่านสื่อ”
💥โดยต่อมาผู้สื่อข่าวและสิบเอกประจักรกฤษ สายทิพย์“ แอดมินเพจกำแพงเพชร ร้องเรียนอะไร บอกไว้ที่นี่” ได้เดินทางไปบ้านหลังดังกล่าวที่บ้านเลขที่ 84 ม.13 (บ้านวังน้ำขาว) ต.ไตรตรึงษ์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร โดยพบกับ “น.ส.ศิริพร ไผ่จันทร์” อายุ 34 ปี (เจ้าของบ้าน) ได้พาเดินดูบริเวณรั้วปูนอิฐบล็อกฝั่งขวาของบ้าน ซึ่งพบว่ามีอิฐบล๊อกชั้นบนจำนวน 2 ชั้น ได้พังร่วงลงไปอีกฝั่ง ที่ไม่ใช่ที่ดินของตนเอง ซึ่งก็ได้ไปทับเด็ก 7 ขวบ จนได้รับบาดเจ็บขาหัก โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 22 มิ.ย.67 เวลา 18.00 น. ซึ่งในวันเกิดเหตุเจ้าของบ้านไม่ได้อยู่บ้านออกไปขายของโดยมีชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ได้มาเล่าให้ตนฟังว่ามีเด็ก 4 คน มาเล่นกันข้างกำแพงรั้วข้างบ้านและโหนกำแพงจนกำแพงพังร่วงลงมา ผู้เห็นเหตุการณ์ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจึงเข้าไปดูพบว่ากำแพงได้พังลงมาอีกฝั่งของบ้านตน และทับเข้าที่ขาของ ด.ญ.นันทัชพร เตชะดี อายุ 7 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2 โดยแม่ของเด็กได้เข้ามาช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลซึ่งก็ทราบภายหลังว่ามีการผ่าตัดเนื่องจากขาหัก
⭕️ในเวลาต่อมาแม่ของเด็กได้โพสลงโซเชียลว่าเจ้าของบ้านไม่มาเยี่ยมไม่ถามไถ่ดูแล ตนจึงได้สอบถามว่าตนผิดอะไร “กำแพงตนอยู่เฉยๆ” ซึ่งแม่เด็กก็ตอบตนมาว่า “กำแพงมันซ่อมได้” ด้วยความโมโหตนจึงตอบไปว่า “พี่ก็รักษาอยู่ ก็ซ่อมได้เหมือนกัน” ตนเข้าใจว่ากำแพงของตนอยู่เฉยๆไม่ได้ผิดอะไร แต่เด็กมาโหนเองทำให้พังจนได้รับบาดเจ็บ คิดว่าแม่เด็กคงโกรธเลยเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตน ซึ่งตำรวจก็ได้แจ้งข้อกล่าวหาตน ว่า “กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส“ ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ต้องมาเสียเงิน 1 แสนบาท เพื่อเยียวยาเด็กที่มาโหนกำแพงตนมันไม่ยุติธรรม จึงได้นำเรื่องดังกล่าวร้องไปยังเพจฯ และสื่อมวลชน ขอให้ทนายไพศาลและทนายเดชา ให้คำแนะนำและช่วยเหลือตนเองด้วย เพราะหลายคนมีรั้วกำแพงบ้านไม่รู้กฎหมายก็อาจจะไม่รู้ว่าจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้หรือไม่หากเจอแบบตน อยากให้เป็นกรณีตัวอย่าง จากนี้ตนก็จะขอสู้ในกระบวนการกฎหมายให้ถึงที่สุดเพราะเชื่อว่าตนไม่ผิด ซึ่งจะให้ตนไปออกรายการไหนก็จะไปเพื่อร้องขอความเป็นธรรม
🙏สัมภาษณ์ “น.ส.ศิริพร ไผ่จันทร์” อายุ 34 ปี (เจ้าของบ้าน) ขณะที่ชาวบ้านได้มารวมตัวและแสดงความคิดเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเจ้าของบ้านไม่ได้ผิดร้อยเปอร์เซ็นต์รั้วอยู่เฉยๆ จะตัองมาเสียเงินอีก ซึ่งผลของคดีสุดท้ายจะออกมายังไงหากผิดก็คงต้องทุบรั้วทิ้งแต่ถ้าไม่ผิดช่วยกันเยียวยาก็ว่าไปอีกอย่าง แต่แม่ของเด็กก็มีส่วนผิดด้วย ซึ่งมองว่าจะเรียกเงินเยียวยา 100,000 บาทมันมากเกินไปเกินกว่าเหตุ โดยวันนี้ก็มาให้กำลังใจเจ้าของบ้านให้สู้คดีให้ถึงที่สุด สัมภาษณ์ ”น.ส.วิศุรีย์ ปาละสูตร อานุ 38 ปี (อยู่บ้านเลขที่ 199/1 ม.13 ต.ไตรตรึงษ์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร) พยานที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า “ตนอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นพอดีแต่ไม่เห็นตอนกำแพงล้มทับ ซึ่งเด็กที่เล่นอยู่บริเวณดังกล่าวมีทั้งหมด 4 คน ตนได้ยินเสียงเด็กผู้ชายวิ่งออกมาร้องเรียกแม่ว่าอิฐบล๊อคทับเด็กผู้หญิง เนื่องจากโหนเล่นรนพังลงมา ตนจึงได้ถามเด็กๆก็ได้ข้อมูลว่าเด็กผู้หญิง 7 ขวบ ได้โหนกำแพงจนพังลงมาจริงจนล้มทับขาหัก ไปๆมาแม่เด็กก็มาแจ้งความเรียกร้องค่าเสียหายทั้งทั้งที่เจ้าของบ้านไม่รู้เห็นอะไรเลยต้องมาเสียเงิน 1 แสน มันเกินไปรั้วมันอยู่ดึๆ ตนตัดสินใจเป็นพยานในคดีให้ ซึ่งในใบแจ้งความมีเด็ก 2 คน แต่วันที่เกิดเหตุมีเด็ก 4 คนเล่นรวมกัน ขณะที่ “ด.ญ.นันทัชพร เตชะดี”อายุ 7 ขวบ (น้องบิ๊กอาย) ได้พาผู้สื่อข่าวไปชี้จุดที่รั้วกำแพงล้มทับตนเองจนขาหัก และชี้รอยแผลผ่าตัดที่ขาซ้ายให้ดู พร้อมเล่าว่าตอนนั้นตนเล่นกับน้องอยู่และรู้สึกเหนื่อยจึงไปพิงที่กำแพงรั้วจนรู้สึกว่ารั้วมันโยกๆ จึงผลักน้องออกและวิ่งออกมาแต่สะดุดหินล้มหนีไม่ทันจนกำแพงล้มทับขาตนจนเจ็บ หนูยืนยันว่าไม่ได้โหนกำแพง หนูแค่พิงอย่างเดียวจนแม่มาช่วยเหลือ ซึ่งตอนผ่าตัดไม่รู้สึกเจ็บอะไรโดยตอนนี้หายแล้ว สัมภาษณ์ “น.ส.เจนจิรา สาระ” อายุ 36 ปี (อยู่บ้านเลขที่ 157 ม.13 ต.ไตรตรึงษ์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร) แม่ของเด็ก 7 ขวบ ได้นำเอกสารผลชันสูตรของแพทย์หลังจากผ่าตัดให้ผู้เช็คข่าวดูพร้อมเล่าในมุมของตนหลังจากอีกฝ่ายไปร้องเรียนเพจดังกล่าวจนทัวร์ลงครอบครัวตน ซึ่งบางคนไม่รู้ก็ด่าลูกของตนที่ไม่รู้เรื่องอะไร ยอมรับว่าทั้งครอบครัวรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งคนที่แชร์ส่วนใหญ่ในด้านลบก็จะเป็นฝั่งของคู่กรณีทั้งนั้น พร้อมเล่าว่า ”คู่กรณีได้นำโพสต์ของน้องสาวตนไปให้ตำรวจดูเพื่อจะดำเนินคดีกับฝั่งตน ซึ่งตำรวจก็บอกว่าเอาผิดไม่ได้เพราะน้องสาวไม่ได้ด่า ครอบครัวตนต้องการให้มาคุยกันเท่านั้นแต่คู่กรณีก็โจมตีครอบครัวตนทุกเพจที่ลงเรื่องนี้ ซึ่งวันนั้นลูกสาวตนได้ขอออกมาเล่นนอกบ้านกับน้องอายุ 9 เดือน และบอกว่าเหนื่อยจึงยืนพิงกำแพง ซึ่งลูกก็บอกอีกว่ากำแพงมันโยกจนล้มทับ ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และเห็นตอนกำแพงพังลงมา ซึ่งยังโชคดีที่ได้ผลักเด็ก 9 เดือนออกมาก่อนไม่งั้นต้องมีสูญเสียมากกว่านี้ ลูกสาวตนต้องผ่าตัดใส่เหล็กที่ขาด้านซ้าย ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตนก็ได้คุยกับฝั่งคู่กรณี “ว่าตนไม่ได้ตั้งใจทำให้กำแพงพัง” ทางนั้นจะว่ายังไงบ้าง ตนเลยบอกว่าไม่มีน้ำใจที่จะถามไถ่ลูกของตนเลยเหรอว่าเป็นอย่างไรซึ่งก็ตั้งใจที่จะพูดดีด้วย แต่ก็ถูกสวนกลับมาว่า “กำแพงพังก็ซ่อมได้ ขาลูกพี่หักก็ซ่อมได้” ทำให้ตนโมโหและเป็นชนวนเหตุทำให้ต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว จึงตัดสินใจไปแจ้งความโดยตำรวจเจ้าของคดีก็บอกว่าอีกฝั่งก็มาปรึกษาแล้วจะเอาเรื่องตนที่ทำกำแพงพัง และคดีหมิ่นประมาท ซึ่งตำรวจก็ได้เข้าไปปลุกลูกสาวตนในรถและให้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง ตำรวจบอกว่าคดีผลิกแล้วละ จึงรับแจ้งความตนทันที ส่วนเงินที่ตั้งไว้ 1 แสน ตนก็ปรึกษากับหลายๆคนว่าจำนวนเงินนี้เหมาะสมแล้ว เพราะลูกตนต้องเจ็บถึง 2 ครั้ง ปีหน้าก็ตัองผ่าเอาเหล็กออกอีก ซึ่งคู่กรณีไม่มีเยียวยาใดๆเลยมีแค่นมมา 5 แพ็คเท่านั้น คำพูดดีๆยังไม่มี แล้วยังมาร้องผิดให้ทัวร์ลงตนอีกทั้งที่ศาลยังไม่ตัดสินยังไม่รู้ใครผิดใครถูก หนูไปไหนลูกหนูตัองร้องไห้ตลอด ตนจึงต้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกของตน จริงๆมันคุยกันได้ คือถ้าออกมาขอโทษหรือซื้อกระเช้ามาซักอันพูดดีๆเรื่องแบบนี้จะไม่เกิด แต่ตอนนี้เรื่องมันบานปลายไปแล้ว