🟡🔴 วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือด้วยแม่เก็บอาหารหมดอายุจากร้านสะดวกซื้อให้ลูก 3 คนประทังชีวิต เคราะห์ซ้ำลูกชาย 13 ปี ป่วยมะเร็งสมอง หมอบอกอยู่ได้ไม่ถึงปี หลั่งน้ำตาวอนสังคมช่วย วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือด้วยแม่เก็บอาหารหมดอายุจากร้านสะดวกซื้อให้ลูก 3 คนประทังชีวิต เคราะห์ซ้ำลูกชาย 13 ปี ป่วยมะเร็งสมอง หมอบอกอยู่ได้ไม่ถึงปี หลั่งน้ำตาวอนสังคมช่วย (คลิป) 🔺️https://youtu.be/vnpOBYoTmlc?si=tkpS7iSxzVm-o0sK
🔶️ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ “บ้านเลขที่ 25 ม.6 ต.คลองแม่ลาย อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ไปพบกับครอบครัวของ ”นางสายฝน พึ่งสิน“ อายุ 45 ปี และลูกอีก 3 คน 1.ด.ช.ใจเพชร สังข์ทอง อายุ 13 ปี (น้องพีท) (นักเรียนชั้น ป.6) ,2.ด.ญ.กาญจนา พันทอง อายุ 11 ปี น้องกาน (นักเรียนชั้น ป.5) ,3.ด.ญ.มยุรา พันทอง อายุ 10 ปี น้องกิ่ง (นักเรียนชั้น ป.4) โดยทั้งหมดเรียนอยู่ ร.ร.บ้านเขาน้ำเพชร (ห่างจากบ้านเพียง 1 กิโลเมตร) เดินไปเรียนทุกวันเพราะไม่มียานพาหนะ “นางสายฝน” ผู้เป็นแม่ได้เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า “ตนเองเลี้ยงลูกทั้ง 3 โดยลำพังเพราะสามีได้ทิ้งตนและลูกไปตั้งแต่ยังเล็ก ตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป (รับจ้างขุดมัน ,เก็บมันท้ายไร่) มีรายได้วันละ 300 บาท ใครจ้างให้ไปทำอะไรก็ไป หากวันไหนไม่มีใครจ้างก็ไม่มีเงินให้ลูกกิน โดยจะให้เงินลูกไปโรงเรียนคนละ 10 บาทเท่านั้น จากเงินที่เหลือที่ไปรับจ้างก็นำมาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน วันไหนไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียนก็อดมื้อกินมื้อ ลูกทั้ง 3 ก็หยุดเรียนไปช่วยแม่เก็บมันสำปะหลังและรับจ้างบ่อยครั้ง
♥️”นางสายฝน“ ยังเล่าทั้งน้ำตาอีกว่า ”วันไหนไม่มีงานรับจ้าง ก็ไม่มีเงินซื้อข้าวให้ลูกกิน ตนเคยไปรอเก็บอาหารหมดอายุตามร้านสะดวกชื้อและร้านอาหารตามสั่งที่คนกินเหลือขอนำมาให้ลูกกินเพื่อประทังชีวิตแม้ตนอดก็ยอม เพราะยากจนเหลือเกิน บ้านที่อยู่ก็ได้ความเมตตาจาก “นางนิตยา พูลสวัสดิ์“ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 บ้านเขาน้ำเพชร บริจาคที่ดินและประสานทางอำเภอขอบ้านโครงการหลวง มาสร้างให้อยู่อาศัยหลายปีแล้ว และที่เป็นทุกข์อยู่ทุกวันนี้คือเมื่อต้นปีที่ผ่านมาลูกชายคนโต “ด.ช.ใจเพชร สังข์ทอง อายุ 13 ปี (น้องพีท) อยู่ๆมีอาการมือและเท้าชาไปครึ่งซีก และมีอาการปวดหัว ซึ่งก็เดินลากเท้าจนเป็นแผล ตนเลยพาไปหาหมอที่ รพ.กำแพงเพชร ซึ่งหมอให้นอนพักดูอาการ 2 วัน และให้น้ำเกลือปรากฎว่าหัวด้านขวาของลูกบวมขึ้น หมอจึงให้เข้าห้องผ่าตัดในวันที่ 5 มกราคม 67 ที่ผ่านมาทันที ซึ่ง หลังจากผ่าตัดก็พบก้อนเนื้อใหญ่ขนาด 5 ช.ม. และวันที่ 23 เม.ย.67 หมอนัดไปฟังผลก็พบว่าเป็น มะเร็งเนื้อร้ายในสมอง หากไม่รักษาก็จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงปี หมอจึงทำการส่งตัวให้ไปรักษาในสัปดาห์หน้าที่ รพ.จุฬาฯ กรุงเทพฯ (วันที่ 22 พ.ค.67) ทำให้ตนเองทุกข์ใจหนักกว่าเดิม กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่มีเงินพาลูกไปรักษาทั้งค่าเดินทางและค่ากินต่างๆปัจจุบันก็ลำบากแย่แล้ว จึงตัดสินใจที่จะปล่อยให้ลูกนั้นเป็นไปตามวิบากกรรม หมดหนทางนอนร้องไห้ทุกคืน และในช่วงนี้อากาศร้อนลูกก็จะปวดหัวหนัก และเวลาพูดกับทุกคน ก็จะขี้หลงขี้ลืมในเรื่องที่เพื่งพูดไป
♥️ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปเกาะติดดูชีวิตของครอบครัว “นางสายฝน” โดยวันนี้ก็ได้พาลูกทั้ง 3 คนไปเก็บมันสำปะหลังท้ายไร่ รับจ้างหาเงินมาประทังชีวิตวันต่อวัน โดยได้กลับมากินข้าวที่บ้านตอนกลางวัน พบสภาพห้องครัวทำกินดูไม่คุ้มฟ้าคุ้มฝน ซึ่งเมนูอาหารที่ทำให้ลูกกินวันนี้ก็ไปเก็บผลมะละกอข้างบ้านนำมาหั่นเป็นชิ้นบางๆและผัดใส่น้ำปลากินกับข้าวเปล่า บางวันก็กินข้าวขยำน้ำปลา โดยทีมข่าวได้เข้าไปดูบริเวณห้องน้ำเก่าที่ใช้ทำภารกิจส่วนตัวก่อนที่จะมีบ้านหลวงอยู่อาศัย พบว่ามีสภาพเพียงแค่แผ่นสังกะสีปิดไว้เพียงแผ่นเดียวเท่านั้น โดยนางสายฝน ได้นำเอกสารส่งตัวและตัวอย่างชิ้นเนื้อที่ผ่าตัดออกมาจากหัวของลูกชายให้ดู เพื่อเตรียมนำไปให้หมอที่โรงพยาบาลจุฬากรุงเทพมหานครสัปดาห์หน้า แต่ยังไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ยังไม่รู้ว่าจะได้ไปหรือไม่ โดยช่วงที่ไปหาหมอในจังหวัดก็อาศัยเงินจากเพื่อนบ้านหยิบยื่นให้และขับรถไปส่งบ้าง ยิ่งลูกมาป่วยแบบนี้ก็ทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง ตนจะทำทุกวิถีทางให้ลูกมีชีวิตอยู่ แม้ว่าจะไม่สมประกอบก็ตาม วันนี้ตนอยากจะขอวอนหน่วยงานและความเมตตาจากผู้ใจบุญในสังคมช่วยเมตตาตนบ้างสักครั้ง ให้มีเงินค่ารถค่าอาหารพาลูกตนได้ไปรักษาและมีหวังที่จะหายจากโรคร้ายครั้งนี้
♥️ สำหรับผู้มีจิตศรัทธาเมตตาอยากช่วยครอบครัวของ “นางสายฝน” และลูก 3 คน ที่หนึ่งในนั้นเป็นมะเร็งสมอง สามารถร่วมบริจาคเงินได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย♥️ เลขบัญชี 015-3-49799-0 ♥️ชื่อบัญชี “นางสายฝน พึ่งสิน”♦️ โดยทีมข่าวจะประสานผู้นำหมู่บ้านและหน่วยงานท้องถิ่นให้ช่วยดูแลจัดการเงินบริจาคให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และจะรายงานความคืบหน้าการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
♥️สัมภาษณ์ “นางสายฝน พึ่งสิน“ อายุ 45 ปี (แม่) เล่าว่า ” ด้วยอาการโรคร้ายในสมองของลูกตนก็ไม่รู้จะไปกู้เงินที่ไหนมารักษาลูก เพราะไม่มีใครจะให้เราอย่างแน่นอน แม้จะส่งตัวไปรักษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายแต่ตนก็ไม่มีเงินค่าเดินทางและค่ากินพาลูกไปอย่างแน่นอน หมอบอกว่าหากรักษาก็มีโอกาสหาย แต่หากไม่รักษาก็อยู่ได้ไม่ถึง 1 ปี ซึ่งอาการโรคมะเร็งสมองเป็นขั้นแรกเท่านั้น บางครั้งไปหาเก็บอาหารหมดอายุจากร้านสะดวกซื้อมาให้ลูกและตนกินประทังชีวิต เพราะไม่มีเงินซื้อข้าวสารและกับข้าวกิน เนื่องจากไม่มีคนจ้างไปขุดมัน รายได้ 300 บาท ก็ไม่พอเพียงกับ 4 ชีวิต และยิ่งลูกชายมาเจอโรคร้ายก็ทำให้ตนเองหมดหนทาง แม้กระทั่งที่อยู่อาศัยก็ได้บ้านหลวงของพระเจ้าอยู่หัวและที่ดินที่ผู้ใหญ่บ้านบริจาคให้อยู่อาศัย ตนจึงอยากวอนขอผู้เมตตาช่วยเหลือจากผู้ใจบุญให้มีเงินให้ลูกชายของตนไปรักษาตัวให้มีชีวิตอยู่รอดต่อไปครั้งนี้ด้วย ตนอธิษฐานทุกวันขอให้มีปาฏิหาริย์ให้ใครเข้ามาช่วยลูกของตนเองให้รอด
cr.ทีมข่าวเหยี่ยวดำนิวส์