💥ใหญ่คับซอย!! หนุ่มหัวร้อนขับรถขวางคนในซอย ลงมาขู่ยิงแถมทำร้ายรถอีกคันจนบาดเจ็บ ก่อนขับหนีจนรถพลิกคว่ำ ตำรวจรวบตัวคาซากรถพูดจาไม่รู้เรื่อง‼️

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 22 ต.ค.66 “ร.ต.อ.ชัชนนท์ สนิทมาก” รองสารวัตรสอบสวน สภ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำ บนถนนพหลโยธิน (ถนนสายเอเชีย ขาขึ้น) หลักกิโลเมตรที่ 414/900 พื้นที่ ม.1 (บ้านถนนงาม) ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร จึงได้ออกตรวจสอบพร้อมด้วยอาสากู้ภัยสว่างกำแพงเพชร จุดโค้งวิไล ที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า อัลติส สีบอร์นเทา ป้ายทะเบียน กค 8081 สมุทราสงคราม สภาพพังเสียหาย มี “นายอัยการ สีหาบง“ อายุ 32 ปี เป็นคนขับ (อยู่บ้านเลขที่ 110 ม.11 ต.ทุ่งทอง อ.ทรายทองวัฒนา จ.กำแพงเพชร) ลักษณะมีอาการมืนเมาพูดจาวกไปวนมา และไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นรถของตนเอง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 4 นาย ได้ควบคุมตัวคนขับเก๋งออกมาจากรถยนต์คันเกิดเหตุและให้นั่งบนพื้นถนน และเข้าไปค้นรถแต่ไม่พบอาวุธและสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด โดยพบว่ามีทรัพย์สินทางราชการเสียหายหลายรายการคือ เสาหลักกิโลเมตร พังเสียหาย จำนวน 6 ต้น ,หลักบอกระยะทาง 1 หลัก ,ป้ายจราจรอีก 1 ป้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวคนขับนำไปเป่าแอลกอฮอล์และตรวจสารเสพติดที่ สภ.คลองขลุง

ซึ่งสาเหตุที่ตำรวจจำนวนหลายนายต้องเข้าตรวจค้นนั้น สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายคือ “นายวิรัตน์ ทันเจริญ” อายุ 53 ปี (อยู่บ้านเลขที่ 49 ม.13 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร) ได้ขับรถตามมาและแจ้งกับตำรวจว่า “นายอัยการ” คนขับเก๋ง ก่อนหน้านี้ได้มีการก่อเหตุทำร้ายร่างกายตนและภรรยาจนได้รับบาดเจ็บ พร้อมทุบรถกระบะของตนเอง ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กช์ สีขาว ป้ายทะเบียน บล 9286 กำแพงเพชร เสียหาย โดยเหตุเกิดภายในซอยเข้าหอพักในหมู่บ้านโค้งวิไล ม.13 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ซึ่งห่างจากจุดที่รถเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำประมาณ 5 กิโลเมตร

นายวิรัตน์ ทันเจริญ” อายุ 53 ปี (ผู้เสียหาย) เล่าว่า “ตนกำลังจะขับรถสวนกับผู้ก่อเหตุในซอย ซึ่งตนก็ได้ขยับให้รถของ “นายอัยการ” ขับผ่านไปแล้ว แต่ไม่ยอมขับไป โดยจากนั้นได้ลงมาโวยวายหาเรื่องตนเองและทำร้ายร่างกายตนและภรรยาจนได้รับบาดเจ็บ แถมยังทุบรถของตนเองจนเสียหาย โดยช่วงเวลาเกิดเหตุ “นายอัยการ” ได้พยายามจะเข้าไปเอาปืนในรถเก๋งขู่จะยิงตน จนมีการชกต่อยกัน แต่มีชาวบ้านเข้ามาห้ามไว้ก่อน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่ามีปืนจริงหรือไม่ จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ได้ขับรถหนีออกมา สุดท้ายมาเกิดอุบัติเหตุตรงจุดดังกล่าว ตนจึงขับรถตามมาและแจ้งตำรวจให้เข้าตรวจค้น ซึ่งตนไม่รู้จักกับผู้ก่อเหตุดังกล่าวเลย ก่อนเกิดเหตุกำลังจะพาลูกชายไปหาหมอ ซึ่งชาวบ้านในซอยได้บอกว่าผู้ก่อเหตุชอบหาเรื่องคนไปทั่ว มีพฤติกรรมดื่มเหล้าจนมึนเมาและเสพยาจนเอื่อมละอา

นางวรรณา นวลจันทร์” อายุ 53 ปี (ภรรยา) เล่าว่า “ ช่วงเวลาดังกล่าวตนกำลังจะพาลูกชายไปหาหมอซึ่งก็ขับรถมาสวนทางกันในซอยพอดีตนก็พยามที่จะให้สามีขยับรถถอย แต่ผู้ก่อเหตุกลับไม่ยอมถอยโดยได้ลงมาโต้เถียงตะโกนบอกว่า “ทำไมกูจะต้องถอยให้พวกมึงด้วย” จนมีการทำร้ายร่างกายตนเองกับสามี แถมยังทุบรถกระบะของตนเองอีก ตนไม่ได้รู้จักอะไรกับผู้ก่อเหตุเลยแม้แต่นิด เพียงแค่ขับรถมาสวนทางกันในซอยเท่านั้นทำไมถึงมีเหตุแบบนี้ก็ไม่ทราบ ซึ่งผู้ก่อเหตุก็ได้เอ่ยเรียกหาคนชื่อไอ้หำ บ่อยครั้งแต่ตนก็ไม่รู้ว่าใคร เพราะไม่รู้จักกับผู้ก่อเหตุมาก่อน

ต่อมาผู้ใช้ข่าวได้พยามสอบถามกับ “นายอัยการ สีหาบง“ อายุ 32 ปี เป็นคนขับเก๋งคันพลิกคว่ำ ได้พูดจาวกไปวนมาไม่รู้เรื่อง โดยได้บอกว่าฝ่ายของนายวิรัตน์ และภรรยาทำร้ายตนเองก่อน ทั้งมีดทั้งอาวุธ ตนไม่อยากมีเรื่องเลยขับรถออกมาจนเกิดอุบัติเหตุ พูดวนไปมาว่ารู้จักกันบ้าง ไม่รู้จักกันบ้าง มีเรื่องกันมาก่อนบ้างไม่มีเรื่องกันบ้าง ซึ่งมีท่าทีเหมือนกำลังมืนเมาอยู่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเตรียมจะตรวจสารเสพติดและเป่าแอลกอฮอล์ พร้อมกับสอบสวนทั้งสองฝ่ายและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป